“ณัฏฐพล” ขึ้นเวทีกิจกรรมนักเรียนเลว รับฟังความเห็นตัวแทนก่อนนำไปสู่การแก้ไข ยอมรับปัญหามีมานาน และกำลังแก้ ลั่น ที่ซุกไว้ใต้พรมต้องลากออกมา มองการพูดคุยคือสันติวิธี ไม่อยากให้เกิดการชุมนุม
วันที่ 5 ก.ย. 2563 นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เดินทางออกจากกระทรวงมายังหลังเวทีปราศรัยของกลุ่มนักเรียนเลว ซึ่งจัดกิจกรรมอยู่บริเวณกระทรวงศึกษาธิการ โดยเวลาเย็นเป็นช่วงของการดีเบตเพื่อเสวนาและแสดงวิสัยทัศน์เรื่องการศึกษา ระหว่างรัฐมนตรีและนักเรียน จากนั้นตัวแทนฝั่งนักเรียน คือ นายลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ ขณะที่ นายณัฏฐพล ก็ก้าวขึ้นสู่เวทีในเวลา 17.20 น. ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
นายลภนพัฒน์ เริ่มต้นด้วย 3 ข้อเรียกร้อง คือ 1.หยุดคุกคามนักเรียน 2.ยกเลิกกฎระเบียบล้าหลัง และ 3.ปฏิรูปการศึกษา ส่วน 1 เงื่อนไข คือ หากทำไม่ได้ให้ลาออกจากตำแหน่ง โดยเรื่องการคุกคามนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องการแสดงออกของเด็กในปัจจุบัน แต่รวมถึงการตี ทำร้าย ลงโทษโดยไม่สมเหตุสมผล และมองว่ากระทรวงควรจะส่งคนลงสถานศึกษาทุกแห่งไปประเมินเพื่อดูการคุกคามว่ายังมีหรือไม่ ดีกว่าการเปิดช่องทางรับร้องเรียน เพราะกระบวนการร้องเรียนไม่มีประสิทธิภาพมากพอ ไม่สามารถประกันความปลอดภัยผู้ร้องเรียนได้ และการประเมินโรงเรียนไม่ใช่สิ่งเลวร้ายหากไม่รบกวนการเรียนการสอน โดยขอให้มีการแก้ไขอย่างจริงจังมากกว่านี้ ต้องปกป้องไม่ให้นักเรียนถูกคุกคามตั้งแต่แรก
สำหรับเรื่องกฎระเบียบล้าหลัง ก็มีความเชื่อมโยงกับการคุกคามนักเรียน พร้อมยกตัวอย่างเรื่องทรงผมที่มีการเรียกร้องมานานและยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ขอให้ทบทวนว่าเหตุใดโรงเรียนจึงไม่ปฏิบัติตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการ อีกทั้งการทำงานของกระทรวงศึกษาธิการก็ล้าหลังเช่นกัน นักเรียนที่ไม่ตัดผมจะถูกตีตราว่าไม่ทำตามระเบียบวินัย หรือต่อให้ใส่สุดนักเรียนก็ไม่สามารถลดความเหลื่อมล้ำได้ รวมถึงมีข่าวให้เห็นอยู่มากไม่ว่าจะใส่นักเรียนหรือไม่ ก็สามารถเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีกับนักเรียนได้
ทางด้าน นายณัฏฐพล กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า การคุกคามนักเรียนทราบว่ามีรูปแบบที่ต่างกัน ยืนยันว่าต้องการให้มีความปลอดภัยมากที่สุดในโรงเรียน หลังรับเรื่องมา 109 โรงเรียน สืบข้อเท็จจริงพบว่าครูจำนวนน้อยไม่เข้าใจเรื่องการแสดงออก ส่วนครูอีก 500,000 คน ที่เข้าใจและพยายามบริหารจัดการในเรื่องนี้ ประเด็นที่รับร้องเรียนก็น้อยลง และปัจจุบันเปิดช่องทางในการแจ้งข้อมูลแล้ว เรื่องที่คุยวันนี้เป็นละเอียดอ่อน ไม่คุ้นเคยในประเทศไทย เราต้องปรับตัว ส่วนเรื่องคุกคาม การล่วงละเมิดทางเพศ อยู่ๆ จะหายไปเลยคงเป็นไปไม่ได้เพราะมีมาหลาย 10 ปี ครูที่คุกคามไม่เคยโดนไล่ออก แต่ 6 เดือนที่ผ่านมาดำเนินการไปแล้ว 15 ราย เราต้องจัดกระบวนการใหม่ และโรงเรียนไม่ปลอดภัยไม่ได้ ตนเองไม่ภูมิใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงต้องมาแก้ปัญหาและรับฟังพูดคุยกัน ซึ่ง 95% ของปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการศึกษา ต้องร่วมกันแก้ และตนต้องรับทราบข้อมูลทั้งหมดก่อน สำหรับกรณีครูทำไม่เหมาะสมก็พร้อมจัดการและลงโทษทางวินัย ย้ำว่าการที่นักเรียนติดโบขาวไม่ใช่เรื่องผิด ถ้าแสดงออกอย่างไม่ก้าวร้าว หรือก้าวก่ายสิทธิของคนอื่น และต้องไม่ลืมว่าแต่ละโรงเรียนมีกฎระเบียบซึ่งเกี่ยวเนื่องกับความปลอดภัยด้วย
“หากเจอเหตุการณ์ละเมิดคุกคามในโรงเรียนก็สามารถแจ้งมาได้ ส่วนเรื่องครูห้ามเอาเรื่องในโรงเรียนไปเผยแพร่ ก็ไม่ต้องซุก เอาปัญหาออกมา เราซุกไว้ใต้พรมมากเกินไปแล้วในระบบการศึกษาไทย ขอให้ส่งมาบอก ผมพร้อมรับฟัง ครู บุคลากรดีๆ ยังมีอยู่มาก เราต้องขจัดคนไม่ดีออกไป อะไรที่ดีก็ทำต่อไปไม่ต้องพูด อะไรที่เป็นปัญหานำมาวางแล้วแก้กัน”
นายณัฏฐพล กล่าวต่อไป ยอมรับว่ากระทรวงศึกษาธิการไม่ได้เข้มงวดมากพอกับกฎระเบียบต่างๆ จึงเกิดเหตุการณ์ว่ามีโรงเรียนยังไม่ปฏิบัติตามกระทรวง แต่วันนี้หากเกิดปัญหาคุกคามล่วงละเมิด กระทรวงไม่ยอม เราไม่ยอมความ แม้จะแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ก็ต้องไล่ไปถึงต้นกระบวนการ หากไม่ปฏิบัติมีความผิด จะปล่อยให้คนแบบนี้อยู่ในวงจรการศึกษาไม่ได้ แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมผู้ถูกกล่าวหาด้วย ซึ่งกระบวนการดำเนินการไม่เกิน 1 สัปดาห์ ขณะที่เรื่องการแต่งกายของนักเรียน ก็ต้องรับฟังหลายส่วน ส่วนตัวเห็นว่าชุดนักเรียนมีเรื่องของความปลอดภัยมาเกี่ยวข้องด้วย และหากเปิดช่องให้แต่งตัวตามธรรมชาติอาจเกิดการแข่งขันกันความเหลื่อมล้ำอาจจะมากขึ้น อีกทั้ง คนบางส่วนก็ยังเห็นดีกับการแต่งชุดนักเรียน มั่นใจว่าถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นคนไทยจะปกป้องนักเรียนก่อนคนอื่น นอกจากนี้ เรื่องกฎระเบียบที่ไม่มีประสิทธิภาพจะต้องตรวจสอบและทำให้ทันสมัย เรื่องทรงผมก็ออกมาชัดเจนแล้ว ผู้หญิงไว้สั้นหรือยาว รวมถึงตัดหน้าม้าได้ ส่วนผู้ชายยาวไว้ได้ถึงรองทรง และไม่เปิดโอกาสให้สถานศึกษาตัดสินเป็นอย่างอื่นได้ แต่นอกเหนือจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปต้องมีการพูดคุยกัน รวมถึงผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ พร้อมฝากให้คำนึงถึงครูที่จะต้องทำความเข้าใจ ต้องใช้เวลา และขอให้เห็นใจซึ่งกันและกัน ทุกเรื่องสามารถพุดคุยกันได้
"ถ้าการศึกษายังไม่ตอบสนอง จะต้องพยายามทำให้เกิดให้ได้ เพราะนักเรียนคืออนาคตของประเทศชาติ ส่วนคำถามว่าลูกเสือและ รด. เรียนไปเพื่ออะไร ส่วนตัวมองว่าเป็นกิจกรรมที่สร้างการมีส่วนร่วมอย่างหนึ่ง มีทักษะจากการเรียนสิ่งเหล่านี้ ขอให้เสนอมาว่าอยากจะทำอะไร ขณะนี้กระทรวงกำลังพิจารณาหลักสูตร เรื่องการลดเวลาเรียน มีเวลาให้ทำการบ้านและทำกิจกรรมที่เด็กๆ สนใจ พร้อมขอบคุณที่ให้เกียรติมาพูด และให้ความเคารพซึ่งกันและกันระดับหนึ่ง วันนี้เปิดเวทีหลายรูปแบบที่จะรับฟัง แต่ไม่มีความจำเป็นที่เราจะมาอยู่ในเวทีหรือสร้างความกดดันแบบนี้ เพราะบางอย่างที่ทำมีผลกระทบภาคใหญ่ ผ่านมาแล้วทราบดี ตอนนี้ประเทศไทยเปราะบางที่สุดในเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศ หากเราเป็นคนไทยที่ตั้งใจทำให้ประเทศมีศักยภาพ เรียนรู้จากเหตการณ์ในอดีตว่าไม่ทำให้ประเทศประสบความสำเร็จ วันนี้เป็นโอกาสจริงๆ ผมรับฟังจากท่าน ครู ผู้ปกครอง ที่ตั้งใจทำให้การศึกษาดีขึ้น พร้อมรับฟังและปฏิบัติได้หลายๆ อย่างที่ถูกพูดถึงในวันนี้ ไม่ต้องกังวล วันที่ไม่สามารถทำคุณให้ประเทศ ให้กระบวนการศึกษา ผมพร้อมพิจารณาตัวเอง และการพูดคุยกันด้วยสันติวิธีน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ที่ผ่านมาไม่สามารถแก้ปัญหาต่างๆ เพราะไม่มีเวทีพูดคุยเช่นนี้"
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลายครั้งที่ นายณัฏฐพล พูดมักจะมีเสียงโห่ร้องขึ้น และไม่ได้มีสีหน้าที่ยิ้มแย้มนัก โดยในเวลา 18.00 น. ทุกคนที่ร่วมกิจกรรมลุกขึ้นยืนเคารพธงชาติ โดนผู้ร่วมกิจกรรมมีการชู 3 นิ้วขณะร้องเพลงชาติไปด้วย ขณะที่ในช่วงหนึ่งมีคนฝากนกหวีดให้ นายณัฏฐพล ได้กล่าวตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “ที่บ้านผมมีนกหวีดเยอะแล้ว” มอบนกหวีด 44 ชิ้น และหนังสือเรียนที่มีความผิดพลาดพร้อมไม้เรียวให้กับ นายณัฏฐพล ทั้งนี้ ในช่วงท้ายของกิจกรรมมีการอ่านแถลงการณ์พร้อมย้ำข้อเรียกร้อง 3 ข้อ และ 1 เงื่อนไข เพื่อส่งเสียงถึงผู้ใหญ่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และจบกิจกรรมการชุมนุมลงในเวลาประมาณ 19.00 น.
อ่านเพิ่มเติม...
September 05, 2020 at 07:03PM
https://ift.tt/2DxqVB3
“ณัฏฐพล” ขึ้นเวทีนักเรียนเลว พร้อมรับฟัง ลั่น ปัญหาซุกใต้พรมต้องลากออกมา - ไทยรัฐ
https://ift.tt/2Y7cf1E
Bagikan Berita Ini
0 Response to "“ณัฏฐพล” ขึ้นเวทีนักเรียนเลว พร้อมรับฟัง ลั่น ปัญหาซุกใต้พรมต้องลากออกมา - ไทยรัฐ"
Post a Comment