Search

โควิด-19: การระบาดใหญ่สะท้อนให้เห็นปัญหาความเหลื่อมล้ำรุนแรงในสิงคโปร์ - บีบีซีไทย

https://ift.tt/2XZS4CW

Graphic

ซากีร์ ฮอสเซน ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว

หลายสัปดาห์แล้วที่เขาถูกสั่งห้ามออกจากห้องพักที่นอนรวมอยู่กับคนอีก 11 คน

ห้องว่างเปล่า มีเพียงเตียงสองชั้น มีผ้าเช็ดตัวแขวนตากที่พอจะให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวอยู่บ้าง

"ทั้งวันทั้งคืน เราอยู่ในห้อง มันทรมานจิตใจมาก เหมือนอยู่ในคุก" ซากีร์ เล่า

"เราไม่สามารถรักษาระยะห่างทางสังคมได้เพราะไม่มีที่"

หลังได้รับการรักษาจนหายจากโรคโควิด-19 แล้วก็กลับไปทำงานแล้ว ซากีร์ นึกว่าฝันร้ายของเขาจะจบ หอพักของเขาได้รับการยืนยันว่าปลอดโรคโควิด-19 แล้วเมื่อเดือน มิ.ย.

แต่มาเดือนที่แล้ว มีการพบผู้ติดเชื้อที่หอพักเขาอีก เขาและแรงงานอพยพอีกหลายพันคนถูกสั่งกักตัวอีกครั้ง

สิงคโปร์เคยได้รับคำชมว่าควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ได้ดี แต่กลับล้มเหลวเมื่อดูสถานการณ์การแพร่เชื้อในหอพักแรงงานต่างชาติ

หลายเดือนผ่านไป ผู้ติดเชื้อใหม่รายวันของสิงคโปร์มีไม่มากนัก คนกลับไปทำงาน โรงภาพยนตร์กลับมาเปิดบริการ บางครั้งเราได้ยินเสียงหัวเราะดังออกมาจากร้านอาหาร

แต่ผู้มีรายได้น้อยจำนวนมากยังต้องเก็บตัวอยู่ในที่พัก ชีวิตพวกเขาเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน

คนสร้างเมือง

Migrant workers work at a construction site in Singapore on August 20, 2020.

หลัง สิงคโปร์มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เมื่อเดือน ม.ค. ไม่นาน ทางการก็เริ่มใช้แอปพลิเคชันตามรอยผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ มีการเตือนและสื่อสารกับประชาชนเป็นอย่างดี จนนักวิทยาการระบาดจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดบอกว่าระบบตรวจเชื้อของสิงคโปร์ดีเยี่ยมจน "เกือบสมบูรณ์แบบ"

แต่วิกฤตที่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็นก็ได้เริ่มก่อตัวขึ้นแล้ว

สิงคโปร์มีแรงงานต่างชาติรายได้ต่ำ กว่า 300,000 คน จาเอเชียใต้ เช่น อินเดียและบังกลาเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ทำงานในภาคก่อสร้างและอุตสาหกรรมการผลิต

พวกเขาอาศัยรวมกันในหอพักต้องนั่งรถตู้มาทำงานด้วยกัน และก็ทำงานอย่างใกล้ชิดกัน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่จะทำให้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดได้ง่ายมาก

ก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 เป็นเรื่องธรรมดาที่แรงงานถึง 20 คนอาศัยอยู่ในห้องเดียวกัน และจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ในหมู่ประชากรทั่วไปก็แตกต่างกับในหอพักของแรงงานโดยสิ้นเชิง

"เหมือนกับโรคระบาดอื่น ๆ โควิด-19 เป็นโรคระบาดแห่งความเหลื่อมล้ำ" โมฮาน ดุตตา ศาสตราจารย์ด้านสื่อสารมวลชนที่มหาวิทยาลัยแมสซีบอกกับบีบีซี

"วิธีที่เราสื่อสาร เช่นการบอกตัวเลขสองชุด (จำนวนผู้ติดเชื้อในหมู่ประชากรทั่วไปและในหอพักแรงงานต่างชาติ) ทำให้ความเหลื่อมล้ำยิ่งเห็นชัดเจนเข้าไปอีก เราอาจจะพูดได้เลยว่ามันเป็นตัวอย่างของการทำให้คนอีกกลุ่มหนึ่ง "เป็นอื่น"..."

กักตัว

Food

ทางการสิงคโปร์ตัดสินใจว่าต้องปิดไม่ให้คนเข้าออกจากหอพัก ให้แรงงานอีกราว 10,000 คน ที่สุขภาพปกติดีไปอยู่ที่อื่น เป็นแรงงานที่เหลืออยู่เล็กน้อยที่ช่วยให้ประเทศขับเคลื่อนต่อไปได้

แต่แรงงานส่วนใหญ่ถูกกักตัวอยู่ในหอพัก บางคนถูกห้ามไม่ให้ออกจากห้องเลยด้วยซ้ำ แรงงานที่ติดเชื้อจะถูกแยกตัวออกไปรักษาจนหาย

นี่แตกต่างจากประสบการณ์ล็อกดาวน์ของประชากรทั่วไปมากที่ได้รับอนุญาตให้ออกไปซื้อของและออกกำลังกายได้ ขณะที่แรงงานเหล่านี้ถูก "ล็อกดาวน์" จริง ๆ โดยมีการจัดอาหารมาให้ที่ห้องในแต่ละมื้อเท่านั้น

วิกฤตในครั้งนี้ทำให้ทางการต้องหันมาดูสภาพความเป็นอยู่ของแรงงานเหล่านี้ใหม่ มีโครงการบริจาคช่วยเหลือเพิ่มขึ้น และเจ้าของหอพักก็พยายามปรับปรุงที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้น

แรงงานต่างชาติคนหนึ่งส่งรูปมาให้บีบีซีดูว่าห้องพักเขาได้รับการจัดใหม่โดยลดเตียงจากห้องละ 15 เตียงเหลือ 8 เตียง อีกคนบอกว่าโชคดีที่นายจ้างเขาจัดแจงให้เขาย้ายไปอยู่โรงแรมแทน

แต่ซากีร์ จากบังกลาเทศ ซึ่งทำงานเป็นผู้ประสานงานในโครงการก่อสร้าง ไม่ได้โชคดีเช่นนั้น

หลังจากไปรักษาตัวหายจากโควิด-19 ซากีร์ เล่าว่า เขากลับมาพบหอพักอยู่ในสภาพเดิม เขาบอกว่าห้องขนาดหกเมตรคูณเจ็ดเมตรมีคนอาศัยอยู่รวมกันถึง 12 คน

"คนบอกว่าให้เรารักษาระยะห่างทางสังคม แต่นั่นกลายเป็นเรื่องตลกไปแล้วสำหรับพวกเรา" ซากีร์ เล่า "เราจะรักษาระยะห่างได้ไงในห้องแคบ ๆ"

แต่ละชั้นของหอพักนี้มี 15 ห้อง เท่ากับมีแรงงานชายอาศัยอยู่ 180 คน หากมีคนอยู่เต็มความจุ ทั้งหมดนี้ต้องใช้ห้องน้ำห้องน้ำร่วมกัน มีอ่างล้างหน้า ห้องอาบน้ำ และโถปัสสาวะ เพียง 6 ชุด ขณะที่แนวทางปฏิบัติของรัฐบาลระบุว่าควรมีห้องน้ำหนึ่งชุดสำหรับคน 15 คน

Bedroom before and after

"พวกเขาขอให้เรารักษาความสะอาด แต่ที่กดสบู่ไม่มีสบู่เหลืออยู่"

บีบีซีได้ติดต่อขอความคิดเห็นจากเจ้าของหอพักนี้แต่ไม่ได้รับการตอบรับ

ดิปา สวามินาธาน ผู้ก่อตั้งกลุ่ม Its Raining Raincoats เพื่อสิทธิแรงงานอพยพ บอกว่าสภาพความเป็นอยู่แบบนี้เป็นเรื่องที่มีอยู่มานานแล้ว

"ที่เราไม่เคยได้ยินเรื่องนี้เป็นเพราะพวกเขาเป็นพวกที่ไม่ชอบโอดครวญ พวกเขารู้สึกซาบซึ้งขอบคุณในสิ่งที่มีที่นี่[ในสิงคโปร์]"

มีรายงานถึงกรณีร้ายแรงถึงขั้นพยายามฆ่าตัวตาย การเสียชีวิต และก็การทำร้ายตัวเอง มาแล้ว

วิดีโอชิ้นหนึ่ง - ซึ่งบีบีซีไม่อาจยืนยันได้ - เป็นเหตุการณ์ชายคนหนึ่งยืนอยู่ริมหน้าต่างหอพักก่อนที่เพื่อนร่วมห้องจะดึงเขากลับมาได้

"ผมเห็นคนในหอที่โทรหาครอบครัวและบอกว่าทนไม่ได้แล้ว พวกเขาร้องไห้ และบอกว่าอยากกลับบ้าน" ซากีร์ เล่า ตัวเขาเองก็เป็นผู้ก่อตั้งองค์กรการกุศลเพื่อผู้อพยพเช่นกัน

ซากีร์บอกว่าแรงงานหลายคนเครียดเพราะไม่สามารถออกไปทำงานได้ แต่มีครอบครัวในประเทศต้นทางที่หวังพึ่งเงินจากพวกเขาอยู่

Bathroom in dorm

กระทรวงแรงงานสิงคโปร์บอกกับบีบีซีว่า สำหรับแรงงานที่ไม่สามารถไปทำงานได้ อาจจะไม่สมเหตุสมผลที่จะคาดหวังให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างเต็มได้ ดังนั้นทั้งสองฝ่ายควรเจรจาตกลงกันถึง "ข้อตกลงว่าด้วยเงินจ้างที่เหมาะสม" กันเอง

ปรับปรุง

ทางการสิงคโปร์ออกมาสัญญาว่าภายในสิ้นปี ผู้อาศัยในหอพักจะได้พื้นที่ส่วนตัวอย่างน้อย 6 ตร.ม. แต่ละห้องห้ามมีเตียงเกิน 10 เตียง โดยแต่ละเตียงต้องห่างกันอย่างน้อย 1 เมตร

ลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ยอมรับว่าการรับมือการแพร่ระบาดในหอพักมีข้อผิดพลาด แต่ก็บอกว่าการอาศัยร่วมกันในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งก็ต้องมีความเสี่ยงแพร่ระบาดอยู่แล้ว

ซากีร์ยังไม่รู้เลยว่าจะได้กลับไปทำงานเมื่อไร ตอนนี้เขาแค่หวังว่าจะได้กลับไปทำงาน และให้สถานการณ์สำหรับแรงงานต่างชาติในสิงคโปร์ดีขึ้น

"เราหลายคนอยู่ที่นี่มานานแล้ว ผมเองอยู่มา 17 ปีแล้ว เหมือนเราได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสิงคโปร์ไปแล้ว"

"เราไม่ได้ขอให้ได้รับการปฏิบัติเหมือนเป็นพลเมืองสิงคโปร์ แค่ปฏิบัติกับเราเหมือนกับที่คุณจะปฏิบัติกับมนุษย์อีกคนหนึ่ง เหมือนกับว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของสังคม จะดีมากเลยถ้าเป็นไปได้"

Let's block ads! (Why?)




September 22, 2020 at 09:03AM
https://ift.tt/3cw0GIx

โควิด-19: การระบาดใหญ่สะท้อนให้เห็นปัญหาความเหลื่อมล้ำรุนแรงในสิงคโปร์ - บีบีซีไทย

https://ift.tt/2Y7cf1E


Bagikan Berita Ini

0 Response to "โควิด-19: การระบาดใหญ่สะท้อนให้เห็นปัญหาความเหลื่อมล้ำรุนแรงในสิงคโปร์ - บีบีซีไทย"

Post a Comment

Powered by Blogger.