ข่าวน้ำท่วมพื้นที่ชุมชนและพื้นที่การเกษตรมีให้สื่อมวลชนแขนงต่างๆ นำเสนอมาอย่างต่อเนื่องจนกลายเป็นเรื่องปกติคล้ายฤดูกาลเก็บเกี่ยวข้าวที่ราคาข้าวตกต่ำ รัฐบาลพลเรือนจากพรรคการเมืองนั้นพรรคการเมืองเข้าที่หนึ่งก็เสนอแนวทางแก้ไขแบบปีต่อปีรูปหน้าปะจมูกเรื่อยมา ประกันราคาข้าวบ้าง จำนำข้าวบ้าง ซึ่งนโยบายเหล่านี้ก็เป็นจุดโหว่ให้สัมภเวสีบ้าง กระหังบ้าง กระสือบ้าง สบช่องหาผลประโยชน์ผลาญงบประมาณแผ่นดินอย่างล่าสุดนโยบายจำนำข้าวทุกเมล็ดก็สร้างความเสียหายให้แก่รัฐ 7-8 แสนล้านบาท
กรณีน้ำท่วมภาคเหนือ-น้ำแล้งภาคเหนือตอนล่างก็เช่นกันเกิดเหตุซ้ำซากผลาญงบประมาณแผ่นดินผลาญภาษีประชาชนไปไม่น้อยในแต่ละปี เกิดโครงการมากมายเพื่อเป็นต้นแบบการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนี้
วันนี้สถานการณ์น้ำท่วมก็กลับมาสร้างปัญหาเดือดร้อนกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือเรื่อยลงมาอีกครั้งเป็นพื้นที่เสียหายวงกว้าง ทั้งที่อยู่อาศัยในหมู่บ้านในชุมชนทั้งพื้นที่การเกษตร ถามว่า พื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติเหล่านี้เคยประสบเหตุเช่นนี้มาก่อนหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าเป็นพื้นที่เดิมๆที่ประสบความหายนะทั้งพืชผลทางการเกษตรและทรัพย์สินนับครั้งไม่ถ้วน ถามว่า ไม่มีทางแก้ไขปัญหานี้ได้บ้างเลยหรือ จักต้องตอกย้ำกันดังๆ ว่า เคยมีการเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากอย่างถาวรมาตั้งแต่ปี 2551 ในยุครัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และพรรคเพื่อไทย แต่รัฐบาลยุคนั้นนิ่งเงียบจนนายสมชายตกจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ต่อมารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ก็มีการนำเสนอโครงการนี้ให้พิจารณาอีกครั้ง โดยมี พลตรีสนั่นขจรประศาสน์ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ นั่งเสนาบดีใหญ่กระทรวงเกษตรฯเหมือนในสมัยนี้ที่เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ดูแลกระทรวงเกษตรฯ แต่ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวสั่งการใดๆ
แนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมที่นำเสนอเพื่อพิจารณาในยุคนั้นมีหลายวิธี อาทิ ขุดลอกแม่น้ำ ห้วยหนอง คลอง ไปจนถึงการ “ขุดแม่น้ำสายใหม่” ด้วยเหตุว่าลักษณะสายน้ำทั้งปิง, วัง, ยม, น่าน ที่มาพบบรรจบกันที่ปากน้ำโพก่อนจะไหลเข้า แม่น้ำสะแกกรัง ส่วนหนึ่ง ไหลไปลงแม่น้ำท่าจีนส่วนหนึ่ง ก่อนที่มวลน้ำจะไหลไปรวมกับน้ำที่แม่น้ำป่าสักที่ไหลผ่านเพชรบูรณ์และลพบุรีที่ช่วงจังหวัดอ่างทองกับพระนครศรีอยุธยา หากสังเกตแผนที่น้ำไหลดีๆ จะเสมือนขวดสุรากลมที่คว่ำหัวขวดลงเมื่อคอขวดรับน้ำเต็มที่โอกาสที่คอขวดจะแตกน้ำบ่าท่วมภาคกลางและพื้นที่กทม.
หากปล่อยให้แม่น้ำทุกสายจากภาคเหนือไหลรินลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งนับวันจะตื้นเขินขึ้นเรื่อยๆ จนเคยมีเรือบรรทุกน้ำตาลเกยตื้นพลิกคว่ำสินค้าเสียหายระบบนิเวศก็เสียหายมาแล้ว หากรัฐใช้วิธีขุดลอกสันดอนลักษณะที่ว่านี้ก็ไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมถาวรได้ หากแต่รัฐจักต้องนำเงินภาษีที่ควรนำไปฟื้นฟูความเจริญรุ่งเรืองของเศรษฐกิจด้านต่างๆ ของประเทศมาเยียวยาส่วนนี้ และนำไปช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จะเป็นประโยชน์มากกว่าปล่อยให้สัมภเวสี กระสือ กระหัง แย่งกันกัดแทะดูดสูดเข้าร่างกาย ด้วยการตั้งงบจัดซื้อกระสอบทราย ตั้งงบช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านและเยียวยาความเสียหายของพื้นที่การเกษตรอย่างต่อเนื่องรัฐบาลควรจัดสำรวจพื้นที่ภาคกลาง และจัดทำโครงการขุดแม่น้ำสายใหม่เพื่อรองรับน้ำที่ไหลบ่ามาจากภาคเหนืออีกเส้นทางหนึ่ง ถวายแม่น้ำสายนั้นให้แด่องค์พระประมุข เพื่อพระราชทานชื่อแม่น้ำสายใหม่ใช้ปัดเป่าความเดือดร้อนของชาวบ้านจากอุทกภัยนี้
ทหารแก่และคณะศึกษาโครงการนี้เพิ่มเติมได้จากแผนงานในหนังสือโครงการ “ธ ประสงค์ใด” ของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้
August 27, 2020 at 02:00AM
https://ift.tt/3lnj9Le
คอลัมน์การเมือง - ทหารแก่ขุดแม่น้ำสายใหม่ ตัดเนื้อร้ายแก้ปัญหาน้ำท่วมถาวร - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://ift.tt/2Y7cf1E
Bagikan Berita Ini
0 Response to "คอลัมน์การเมือง - ทหารแก่ขุดแม่น้ำสายใหม่ ตัดเนื้อร้ายแก้ปัญหาน้ำท่วมถาวร - หนังสือพิมพ์แนวหน้า"
Post a Comment