16 กรกฎาคม 2563 หมอมนูญ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ผู้ได้รางวัลแพทย์ดีเด่นจากแพทย์สภา ประจำปี 2561 โพสต์ หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC เผย บทเรียนที่ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องทำตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) ทุกเรื่อง ชี้ เราต้องใช้วิจารณญาณของเราเอง ใครจะรู้ปัญหาของคนไทยเท่ากับคนไทยด้วยกัน
หมอมนูญ ระบุ คนไทยส่วนใหญ่คิดว่า คำแนะนำจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ต้องน่าเชื่อถือ เพราะมีผู้เชี่ยวชาญระดับโลกคอยกลั่นกรองการออกคำแนะนำแต่ละเรื่อง ตั้งแต่มีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 หรือ โรคโควิด-19 (COVID-19) แพร่ระบาดไปทั่วโลก เราได้เห็นคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกที่ล่าช้า กลับไปกลับมา คนไทยจึงเริ่มขาดความเชื่อถือองค์การอนามัยโลก
ผมขอยกตัวอย่างอีก 1 เรื่องของคำแนะนำจากองค์การอนามัยโลก เรื่อง “ลดการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีเอดส์จากแม่สู่ลูก” สำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาอย่างประเทศไทย
"เมื่อ 12 ปีที่แล้ว องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อเอชไอวี ที่ยังไม่เข้าข่ายกินยาต้านไวรัสเอชไอวี 3 ขนานเนื่องจากระดับเม็ดเลือดขาว CD4 ยังสูงอยู่ ให้กินยาต้านไวรัสเพียง 1 ขนาน คือ AZT เริ่มที่อายุครรภ์ 28 สัปดาห์ ร่วมกับยา nevirapine กินครั้งเดียวเมื่อเจ็บครรภ์คลอด การทำเช่นนี้ มีข้อดีอย่างเดียว คือ ประหยัดเงินงบประมาณค่ายา แต่ไม่คุ้มค่ากับผลเสียที่ตามมา การติดเชื้อจากแม่สู่ลูกลดลงเหลือร้อยละ 4 - 5 ยังไม่ดี สู้กินยา 3 ขนานไม่ได้ มิหนำซ้ำทำให้แม่และเด็กดื้อยา nevirapine ซึ่งเป็นยาหลักในการรักษาระยะยาว" หมอมนูญ กล่าวและว่า
แพทย์ไทยทั้งกุมารแพทย์ และอายุรแพทย์รักษาโรคเอดส์ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับคำแนะนำนี้ ผมในฐานะนายกสมาคมโรคเอดส์แห่งประเทศไทยในช่วงนั้น ร่วมกับศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย เรียกร้องให้กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) โดยให้ใช้ยาต้านไวรัสแบบสูตร 3 ขนานในหญิงตั้งครรภ์ทุกคน ซึ่งจะทำให้การติดเชื้อจากแม่สู่ลูกลดลงได้อีก และลดโอกาสการดื้อยาของแม่และลูก (ดูโปสเตอร์) ผมต้องเข้าประชุมนับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุดกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ยอมทำตาม ในปี พ.ศ. 2553 ประเทศไทยถือว่าเป็นประเทศแรกๆ ที่กำลังพัฒนา ที่ได้นำยาสูตร 3 ขนานมาใช้เป็นนโยบายประเทศ โดยทำล้ำหน้าคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกในขณะนั้น
"จากการดำเนินนโยบายให้ใช้ยาสูตร 3 ขนานกับหญิงตั้งครรภ์ทุกคนในช่วงตั้งครรภ์ รวมทั้งให้แม่กินยาต่อเนื่องหลังคลอดไปตลอดชีวิต ร่วมกับให้ยาป้องกันทารก และให้นมผงฟรีกับทารกจนถึงอายุ 18 เดือน ทำให้อัตราการติดเชื้อจากแม่สู่ลูกลดลงอย่างรวดเร็วจนเหลือ 1.9% ในปี พ.ศ. 2559 นำมาซึ่งความสำเร็จในการได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ว่าประเทศไทยสามารถยุติปัญหาการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากแม่สู่ลูกได้
เราได้เห็นอีก 1 บทเรียนที่ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องทำตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกทุกเรื่อง เราต้องใช้วิจารณญาณของเราเอง ใครจะรู้ปัญหาของคนไทยเท่ากับคนไทยด้วยกัน" หมอมนูญ ทิ้งท้าย
July 16, 2020 at 08:47AM
https://ift.tt/2Zvv54I
ปัญหาไทยไทยรู้ดี หมอมนูญ ยกบทเรียน ไม่จำเป็นต้องทำตาม WHO ทุกเรื่อง - คมชัดลึก
https://ift.tt/2Y7cf1E
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ปัญหาไทยไทยรู้ดี หมอมนูญ ยกบทเรียน ไม่จำเป็นต้องทำตาม WHO ทุกเรื่อง - คมชัดลึก"
Post a Comment