Search

รร.ในเครือสารสาสน์เจอปัญหาร้องเรียนเพียบ - เดลีนีวส์

https://ift.tt/2XZS4CW
เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ดร.กมล รอดคล้าย ที่ปรึกษา รมช.ศึกษาธิการ กล่าวภายหลังประชุมร่วมกับ รมช.ศึกษาธิการ เพื่อวางแนวทางแก้ปัญหาระหว่างผู้ปกครองและรร.สารสาสน์ราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี ว่า  ได้มอบหมายกรมสุขภาพจิตเข้าไปดูแลสภาพจิตใจนักเรียนที่โดนผู้ช่วยครูทำร้ายเกินกว่าเหตุไม่ว่าจะเป็นทางด้านร่างกายและจิตใจ ส่วนเด็กกลุ่มอื่นๆภายในโรงเรียนมีแนวทางจัดกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์เพื่อเยียวยาจิตใจของนักเรียนด้วยเช่นกัน  ส่วนการดำเนินคดีทางอาญากับผู้ช่วยครูเด็กเล็กคนดังกล่าวนั้นให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดการต่อไป ซึ่งยืนยันพี่เลี้ยงจุ๋มนั้นทำหน้าที่แค่พี่เลี้ยงเป็นผู้ช่วยครูเด็กเล็กเท่านั้นและมีวุฒิการศึกษาจบชั้นม.3 เพราะในกฎหมายครูพี่เลี้ยงคนดังกล่าวไม่ใช่ครูแต่เรียกติดปากไปเองว่าครูพี่เลี้ยง ส่วนกล้องวงจรปิดทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปขอความร่วมมือโรงเรียนให้ส่งข้อมูลฮาร์ดดิสก์ในระบบกล้องวงจรปิดทั้งหมดให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเป็นหลักฐานในการสืบสวนดำเนินคดีต่อไป ทั้งนี้โรงเรียนต้องปรับการบริหารจัดการใหม่ทั้งงานวิชาการ อาหารกลางวัน และการรับครู เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง รวมถึงขณะนี้โรงเรียนได้มีการตักเตือนผู้ร่วมเหตุการณ์ในคลิปต่างๆหรือมีส่วนในการพาดพิง ทั้งนี้ในวันที่ 29 ก.ย.โรงเรียนสารสาสน์ราชพฤกษ์จะประชุมร่วมกับผู้ปกครอง เพื่อสรุปความรับผิดชอบจนกว่าผู้ปกครองจะพอใจ อย่างไรก็ตามสช.จะเข้าไปตรวจสอบการดำเนินของโรงเรียนด้วย  

นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการ กช. กล่าวว่า สช.ได้กำชับโรงเรียนว่ากล้องวงจรปิดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจขอไปถือเป็นพยานวัตถุที่สามารถนำสืบทางคดีได้ ดังนั้นโรงเรียนห้ามทำลายหรือลบคลิปวิดีโอออกอย่างเด็ดขาดไม่เช่นนั้นจะมีความผิด ซึ่งต่อจากนี้ไปขอย้ำว่าครูเป็นวิชาชีพที่ถูกควบคุม ดังนั้นผู้ที่เข้าไปอยู่ในโรงเรียนเอกชนได้ต้องอาศัยหนังสืออนุญาตจากคุรุสภา คือ ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หรือหากใครไม่มีใบอนุญาตฯ จะต้องมีใบอนุญาตปฏิบัติการสอนชั่วคราว 2 ปีระหว่างที่ยังไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูตัวจริง ดังนั้นหากตรวจพบว่าโรงเรียนแห่งนี้ปล่อยให้ครูที่ไม่มีอนุญาตฯ มาสอนผู้ถือใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนเอกชนจะต้องมีความผิดทางอาญาต้องระวางโทษจำคุกสูงสุดไม่เกิน 3 ปีและปรับไม่เงินไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งจากนี้ไปสช.จะออกแนวปฏิบัติให้โรงเรียนเอกชนทั่วประเทศต้องแสดงใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูพร้อมเลขที่วันหมดอายุเปิดเผยอย่างสาธารณะ และแขวนไว้บนเว็บไซต์ของโรงเรียนด้วย รวมถึงติดแจ้งแสดงไว้หน้าห้องเรียนแต่ละชั้นเรียนด้วยเช่นกัน  

เลขาธิการกช.กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้สช.ยังได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ปกครองว่าโรงเรียนดังกล่าวเปิดรับนักเรียนห้องเรียน English Program (EP) ต่อห้องจำนวน 34 คนซึ่งจำนวนดังกล่าวถือว่าเป็นจำนวนรับนักเรียนเกินกว่าที่สช.กำหนดไว้ที่ 25 คนต่อห้อง รวมถึงโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ยังเรียกเก็บค่าธรรมเนียมนอกเหนือจากค่าเล่าเรียนในห้องเรียน EP ซึ่งถือว่าผิดกฎระเบียบที่สช.กำหนดให้เก็บค่าเล่าเรียนได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ดังนั้นจึงมอบหมายให้คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) นนทบุรี เข้าไปตรวจสอบแล้ว ขณะเดียวกันที่ผ่านมาสช.ยังได้รับเรื่องร้องเรียนโรงเรียนในเครือสารสาสน์ จำนวน 34 แห่ง จากทั้งหมด 45 แห่งว่ามีปัญหาการบูลลี่ การทำร้ายร่างกาย การจัดการเรียนการสอน และการเก็บค่าเล่าเรียน โดยในจำนวนนี้มี 23 แห่งที่มีการเปิดห้องเรียน EP สช.จะลงไปตรวจสอบด้วยว่าโรงเรียนมีการเปิดรับนักเรียนห้องเรียนดังกล่าวเกินกว่าจำนวนที่สช.กำหนดไว้หรือไม่ ทั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่สช.จะตั้งคณะทำงานเอกซเรย์โรงเรียนเอกชนทั่วประเทศว่ามีการกระทำความผิดข้อกำหนดของสช.ไม่ว่าจะเป็นด้านวิชาการ และการบริหารจัดการโรงเรียน  

ต่อข้อถามว่าโรงเรียนมีความผิดจนต้องถูกปิดโรงเรียนหรือไม่ นายอรรถพล กล่าวว่า ถือว่าโรงเรียนเข้าข่ายกระทำความผิดแต่ด้วยกฎระเบียบโรงเรียนเอกชนมีการกำหนดระยะเวลาให้แก้ไขตั้งแต่ระยะเวลา 15 วันไปจนถึง 1 เดือน ซึ่งหากโรงเรียนแก้ไขไม่ได้ตามระยะเวลาที่กำหนดก็จะมีบทลงโทษต่อไป ส่วนผู้ปกครองบางส่วนจะนำเด็กไปเรียนโรงเรียนอื่นนั้นต้องไปดูว่าโรงเรียนจะช่วยเหลือหรือเยียวยาอำนวยความสะดวกอย่างไรบ้าง ซึ่งทราบว่าพรุ่งนี้โรงเรียนจะร่วมหาทางออกร่วมกับผู้ปกครอง สำหรับครูที่อยู่ในเหตุการณ์คลิปทำร้ายเด็กและเพิกเฉยนั้นครูอาจเข้าข่ายกระทำความผิดต่อจรรยาบรรณในวิชาชีพ แต่หากมองในมิติของข้อกฎหมายก็จะเข้าข่ายความผิดตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็กฯ ซึ่งเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดำเนินการต่อไป
 
ด้าน พ.ต.ท.มหพล มีเสน รองผู้กำกับการสอบสวน สถานีตำรวจภูธร (สภ.) ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี กล่าวว่า ขณะนี้เบื้องต้นได้มีการสอบสวนผู้ปกครองของนักเรียนที่ถูกทำร้ายร่างกายจำนวน 8  รายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากนี้จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ โดยการขอภาพจากกล้องวงจรปิดของโรงเรียนทั้งหมดมาตรวจสอบ รวมถึงการจะมีการสอบปากคำเด็กที่ถูกทำร้ายร่างกาย โดยจะมีทีมสหวิชาชีพ และผู้ปกครองเข้าร่วมในการสอบสวน เนื่องจากเป็นเด็กเยาวชน และเป็นเด็กเล็กตามที่กฎหมายกำหนด  ส่วนหลังจากนั้นจะเรียกทางพี่เลี้ยงจุ๋ม และผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป  
 
นอกจากนั้นยังมีผู้ปกครองรายอื่นๆ ได้ทยอยขอลงบันทึกประจำวันเพื่อขอดูกล้องวงจรปิดภายในโรงเรียนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีดังกล่าว หากพี่เลี้ยงจุ๋มมีการกระทำความผิดจริง จะถือว่ามีความผิดทางอาญาในข้อหากระทำทำร้ายร่างกาย และจิตใจ ต้องระวางโทษ เพราะเป็นการสร้างความกระทบกระเทือนทั้งทางร่างกายและจิตใจของเด็ก  
 

Let's block ads! (Why?)




September 28, 2020 at 05:43PM
https://ift.tt/2G6HEwg

รร.ในเครือสารสาสน์เจอปัญหาร้องเรียนเพียบ - เดลีนีวส์

https://ift.tt/2Y7cf1E


Bagikan Berita Ini

0 Response to "รร.ในเครือสารสาสน์เจอปัญหาร้องเรียนเพียบ - เดลีนีวส์"

Post a Comment

Powered by Blogger.