
วันอาทิตย์ ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2563, 06.00 น.
‘บิ๊กตู่’โชว์วิสัยทัศน์ในยูเอ็น
แก้ปัญหาโควิด
ส่งกำลังใจไปให้ทุกประเทศ
ไทยติดเชื้ออีก3มาจากนอก
นายกฯ บิ๊กตู่ โชว์วิสัยทัศน์ในที่ประชุมยูเอ็น พร้อมส่งกำลังใจให้ทุกประเทศในโลกประสบความสำเร็จในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 ยืนยันไทยสนับสนุนสหประชาชาติ รับมือความท้าทายต่างๆ พร้อมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้านไทยป่วยอีก 3 กลับจากนอก ส่วนเมียนมาขยายคำสั่งงดออกจากบ้าน
เมื่อวันที่ 26 กันยายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. รายงานสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย ประจำวันว่า ตลอด 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 3 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากประเทศลักเซมเบิร์ก 1 ราย ตุรกี 1 ราย และแอลเบเนีย 1 ราย โดยทั้งหมดอยู่ในสถานที่กักตัวที่รัฐจัดให้ หรือ State Quarantine ผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 3,522 ราย รวมสะสม 3,362 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ยังอยู่ที่ 59 ราย ซึ่งยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 101 ราย
“บิ๊กตู่”ส่งกำลังใจให้ทุกปท.ฝ่าโควิด
วันเดียวกัน เวลา 16.30 น. (เวลาท้องถิ่นนครนิวยอร์ก) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถ้อยแถลงในการอภิปรายทั่วไป ของการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 75 ภายใต้หัวข้อหลัก “อนาคตที่เราอยากเห็น องค์การสหประชาชาติที่เราต้องการ : ตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านพหุภาคี – เผชิญหน้ากับโรคโควิด-19 ผ่านแผนงานความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ” ทางระบบการประชุมทางไกล
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าปีนี้ โลกต้องประสบกับวิกฤติด้านสาธารณสุขจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง ดังนั้นทุกประเทศต้องเชื่อมั่นในเรื่องของความร่วมมือระหว่างกัน พร้อมส่งกำลังใจไปยังทุกประเทศทั่วโลกให้ประสบความสำเร็จในการรับมือกับโควิด-19
แนะดูแลการเข้าถึงวัคซีนอย่างเท่าเทียม
นายอนุชา กล่าวว่า รัฐบาลไทยมุ่งมั่นและตั้งใจยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศ โดยจัดตั้ง “ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19” โดยดำเนินมาตรการตามหลักของกฎอนามัยระหว่างประเทศ ค.ศ. 2005 และแนวทางขององค์การอนามัยโลก รัฐบาลสนับสนุนแผนพัฒนาวัคซีนโรคโควิด-19 โดยเห็นว่าวัคซีนและยาสำหรับรักษาโรคโควิด-19 ควรต้องเป็นสินค้าสาธารณะระดับโลกที่ทุกประเทศได้รับสิทธิในการเข้าถึงอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งสหประชาชาติจำเป็นต้องมีบทบาทนำในเรื่องนี้
โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้รัฐบาลได้ออกมาตรการดูแลและเยียวยาทางเศรษฐกิจ โดยจัดตั้ง “ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ” เพื่อเป็นกลไกหลักในการกำหนดนโยบายร่วมกันระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชนในการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมอย่างรอบ
“ประเทศไทยได้ดำเนินนโยบาย “หยุดโควิด แต่ไม่หยุดเศรษฐกิจไทย” พร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ที่เรียกว่า “Bio-Circular-Green Economy” หรือ “BCG” โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน”
ยันไทยสนับสนุนบทบาทสหประชาชาติ
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ขอบคุณองค์การอนามัยโลกที่ให้การยอมรับว่า ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถรับมือกับเชื้อโควิด-19 ได้ดีที่สุดในโลก ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ไทยสามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเป็นประเทศต้นแบบก็คือ การมีเจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่ในการพัฒนาระบบสาธารณสุขของไทยให้มีความเข้มแข็งผ่านหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ครอบคลุม ซึ่งไทยพร้อมแบ่งปันประสบการณ์และความร่วมมือกับนานาประเทศ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังแสดงความชื่นชมเลขาธิการสหประชาชาติที่สนับสนุนให้รัฐสมาชิกตระหนักถึงความร่วมมือเพื่อให้ทุกประเทศสามารถก้าวข้ามอุปสรรคนี้ไปด้วยกันอย่างยั่งยืน และสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไปในบริบทของความท้าทายใหม่ๆ ซึ่งไทยยึดมั่นต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ และเคารพหลักการพื้นฐานของกฎบัตรสหประชาชาติ ตลอดจนสนับสนุนบทบาทของสหประชาชาติในทั้ง 3 เสาหลัก ได้แก่ สันติภาพและความมั่นคง ,การพัฒนา , และสิทธิมนุษยชน
นายอนุชา กล่าวว่า ในด้านสันติภาพและความมั่นคง สหประชาชาติและประชาคมโลกประสบความสำเร็จในการพยายามระงับความขัดแย้งโดยสันติวิธี นอกจากไทยจะให้ความสำคัญกับการลดอาวุธ แล้ว ไทยยังส่งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และพลเรือนทั้งชายและหญิง เข้าร่วมภารกิจเพื่อสันติภาพในกรอบสหประชาชาติในภูมิภาคต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 2501 และยังคงบทบาทนี้ไว้ท่ามกลางวิกฤติในปัจจุบัน
ชี้ต้องทำงานหนัก-ร่วมมืออย่างเข้มแข็ง
ส่วนในด้านการพัฒนา การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การบรรลุเป้าหมายล่าช้า ดังนั้นเราจะต้องทำงานหนักและส่งเสริมความร่วมมือให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง รวมทั้งมุ่งใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนา ซึ่งไทยจะใช้เวทีระหว่างประเทศต่าง ๆ แบ่งปันแนวปฏิบัติที่เป็นเลิศตามหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ในด้านสิทธิมนุษยชน ข้อตกลงและกฎหมายระหว่างประเทศได้กำหนดหลักการและพันธกรณีเกี่ยวกับการปกป้องสิทธิมนุษยชน หลักนิติธรรม ธรรมาภิบาล และการให้ความสำคัญต่อกลุ่มเปราะบาง สำหรับไทยได้จัดทำแผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นฉบับที่ 4 และนำมาปฏิบัติแล้ว
นายอนุชา กล่าวว่า ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรียืนยันความมุ่งมั่นของไทยในการสนับสนุนวาระต่าง ๆ ของสหประชาชาติ ทั้งในด้านสันติภาพ ความมั่นคง การพัฒนา การจัดการกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การยึดมั่นในสิทธิมนุษยชน และการส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ เพราะระบบพหุภาคีเป็นหนทางที่จะนำพาพวกเราให้หลุดพ้นจากวิกฤติครั้งนี้ไปได้ร่วมกัน เพื่อสร้างอนาคตที่มีสันติสุข และเพื่อโลกที่น่าอยู่สำหรับพวกเราและชนรุ่นหลังต่อไป
เมียนมาขยายคำสั่งงดออกนอกบ้าน
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขของเมียนมารายงานสถานการณ์โรคโควิด-19 ในรอบ 24 ชั่วโมง สถิติผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่อย่างน้อย 9,112 คน เพิ่มขึ้น 598 คน รักษาหายแล้ว 2,517 คน และเสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 174 คน เพิ่มขึ้น 19 คน ขณะเดียวกัน รัฐบาลเมียนมาประกาศให้ประชาชนในเมืองของอย่างน้อย 11 รัฐและภูมิภาค เข้าสู่มาตรการ “อยู่บ้าน” หรืองดออกจากบ้านหากไม่มีกิจจำเป็น นับตั้งแต่วันเสาร์ที่ 26 กันยายน เป็นต้นไป โดยครอบคลุมรัฐมอญ ภูมิภาคมัณฑะเลย์ ภูมิภาคพะโค และภูมิภาคอิรวดี ด้านพื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองย่างกุ้งและเขตรอบนอกอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม และมีการต่อเวลาอีกอย่างน้อย 14 วัน นับตั้งแต่วันที่ 21 กันยายน ที่ผ่านมา
ลอนดอนเข้าสู่การเป็น“พื้นที่เฝ้าระวัง”
ส่วนที่ประชุมสภาเขตแห่งลอนดอนมีมติให้เมืองหลวงของสหราชอาณาจักรเข้าสู่รายชื่อ “พื้นที่เฝ้าระวัง” ด้านสาธารณสุข ตามการจัดระดับโดยรัฐบาล โดย นายซาดิค ข่าน นายกรัฐมนตรีกรุงลอนดอน กล่าวว่าเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ประชาชนในพื้นที่เพิ่มความตระหนักถึงอันตรายของโรคโควิด-19 และปฏิบัติตามแนวทางของภาครัฐอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งยืนยันการยกระดับมาตรการตรวจคัดกรองด้วย
เตือนยอดตายทั่วโลกอาจแตะ2ล้านคน
นพ.ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการโครงการสุขภาพฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก(WHO) ตอบผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับประเด็นตัวเลขผู้เสียชีวิตจะไปถึงจุดใดว่า ตัวเลข 1 ล้านคนถือว่าแย่มากแล้ว จึงต้องพิจารณาทบทวนก่อนที่ตัวเลขจะผ่านไปถึง 2 ล้านคน หากไม่ดำเนินมาตรการร่วมกันก็อาจจะได้เห็นตัวเลขนี้
ทั่วโลกติดเชื้อ32.7ล้านดับ9.9แสนราย
สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของ ไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก นับจนถึงช่วงเย็นวันที่ 26 กันยายน 2563 มีผู้ติดเชื้อสะสม 32,794,407 ราย เสียชีวิตรวม 994,008 ราย รักษาหายรวม 24,193,293 ราย สหรัฐ ติดเชื้อ 7,244,184 ราย เสียชีวิต 208,440 ราย อินเดีย ติดเชื้อ 5,908,748 ราย เสียชีวิต 93,440 ราย บราซิล ติดเชื้อ 4,692,579 ราย เสียชีวิต 140,709 ราย รัสเซีย ติดเชื้อ 1,143,571 ราย เสียชีวิต 20,225 ราย โคลอมเบีย ติดเชื้อ 798,317 ราย เสียชีวิต 25,103 ราย
September 27, 2020 at 06:00AM
https://ift.tt/2S3Waas
'บิ๊กตู่'โชว์วิสัยทัศน์ในยูเอ็น แก้ปัญหาโควิด ส่งกำลังใจไปให้ทุกประเทศ - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
https://ift.tt/2Y7cf1E
Bagikan Berita Ini
0 Response to "'บิ๊กตู่'โชว์วิสัยทัศน์ในยูเอ็น แก้ปัญหาโควิด ส่งกำลังใจไปให้ทุกประเทศ - หนังสือพิมพ์แนวหน้า"
Post a Comment